ชาวบ้านดีใจน้ำตาไหล หลังมีคำสั่งรื้อกำแพงภายใน 15 วัน

   

       ชาวบ้านดีใจน้ำตาไหล หลังจังหวัดมีคำสั่งเจ้าของที่ดินรื้อรั้วด้านบนแนวกำแพงกันดินออกทั้งหมด พร้อมขุดดินริมแนวกำแพง ห่างออกมา 4.5 เมตร ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน

จากกรณีชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ออกมาร้องขอความเป็นธรรม กรณีเจ้าของที่ดินข้างบ้านมีการถมดินสูงพร้อมสร้างรั้วขึ้นมาบนที่ดิน จนสูงเกือบมิดหลังคาของชาวบ้าน ต่อมา ร.ต.พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้นำคณะเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนนัดประชุมด่วนสรุปหาทางแก้ไขปัญหา

ล่าสุดวันที่ 6  พ.ย. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ภายหลังจากที่ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้หารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเป็นเวลานานเกือบ 3 ชั่วโมง ได้เรียก ตัวชาวบ้านและสื่อมวลชนเข้ารับฟังข้อสรุปว่า เจ้าของที่ดินแปลงดังกล่าวดำเนินการถมดินโดยไม่ได้รับอนุญาต และทางเทศบาลตำบลลาดหญ้า ได้มีการทำหนังสือแจ้งให้เจ้าของที่ดินหยุดการถมดิน และขอให้เจ้าของที่ดินมาทำหนังสือขออนุญาตให้ถูกต้องเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2563

และทางเจ้าของที่ดินได้เข้ามายื่นหนังสือขออนุญาตอีกครั้งในวันที่ 19 ส.ค. 2563 กระทั่งเทศบาลได้มีการออกหนังสืออนุญาตให้มีการถมดินในวันที่ 28 ส.ค. 2563 โดยมีระยะเวลาการดำเนินการได้จนถึงวันที่ 24 ก.พ.2564 โดยเมื่อสิ้นสุดการอนุญาต ทางเจ้าของที่ดินได้มายื่นขอต่อใบอนุญาตถมดินกับทางเทศบาล แต่ทางเทศบาลเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีข้อร้องเรียนจากทางชาวบ้านจึงได้ไม่อนุญาตต่อใบอนุญาตให้กับเจ้าของที่ดิน

อีกทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการตรวจสอบภายในที่ดินแปลงดังกล่าว พบว่าในการถมดินไม่ได้มีการวางระบบการระบายน้ำตามข้อกำหนด และในส่วนของการก่อสร้าง แนวกำแพงกันดินและรั้วที่อยู่บนแนวกำแพงกันดินซึ่งสูงจนมิดหลังคาของชาวบ้านนั้น เมื่อตรวจสอบเอกสารการขออนุญาต พบว่าทางเทศบาลมีการอนุญาตการก่อสร้างแนวรั้วจริง แต่ไม่ได้มีการอนุญาตให้มีการสร้างแนวกำแพงกันดิน

ดังนั้น จึงถือว่ารั้วดังกล่าวสร้างอยู่บนสิ่งก่อสร้างที่ไม่มีฐานราก อาจทำให้เกิดอันตรายกับประชาชนที่อยู่ข้างเคียงได้ ทางจังหวัดกาญจนบุรีจึงมีคำสั่งให้ทางเทศบาลตำบลลาดหญ้า แจ้งกับเจ้าของที่ดินให้มีการรื้อถอนแนวรั้วบนกำแพงกันดินออกให้เรียบร้อยภายในระยะเวลา 15 วัน หากไม่ดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว ก็จะได้มีการบังคับใช้กฎหมายในขั้นสูงต่อไป

หลังเสร็จสิ้นการแถลงข้อสรุป นางมธุรส คุ้มประสิทธิ์ หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ถึงกับหลั่งน้ำตา และเข้าสวมกอดกับผู้สื่อข่าวที่เดินทางมารอทำข่าว ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า รู้สึกตื้นตันใจ ที่ปัญหาของชาวบ้านได้รับการแก้ไข และอยากจะฝากขอบคุณไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี รองผู้ว่า นายอำเภอ และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสื่อมวลชน

       ทั้งนี้ ยังบอกอีกว่าได้ต่อสู้ร่วมกันมาเกือบ 2 ปีในที่สุดก็ได้รับการแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมา เชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่จริง จึงไม่เคยท้อที่จะต่อสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเองและชาวบ้าน หากเรื่องนี้ไม่มีสื่อมวลชนเข้ามานำเสนอข่าวปัญหาดังกล่าวก็อาจจะยังไม่ได้รับการแก้ไข

เรียบเรียงโดย : daratop.com ขอขอบคุณที่มา : ข่าวสด

0
0
0